ปัจุบันระบบ Cloud Computing ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป เพราะคนส่วนใหญ่เข้าถึง Internet ได้ง่ายกว่าเดิมมาก
ปัจุบันระบบ Cloud Computing ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป เพราะคนส่วนใหญ่เข้าถึง Internet ได้ง่ายกว่าเดิมมาก ทำให้ผู้พัฒนาระบบ ได้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ออกมา ให้ตอบโจทย์กับการใช้งาน ที่มีการเปลี่ยแลงอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันและรู้เท่าทันกับดทโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้ ให้มากที่สุด
การใช้งานระบบที่อยู่บน Internet สำหรับคนในยุคนี้ ถือเป็นงานในชีวิตประจำวัน ที่ไม่มีความแตกต่างอะไรกับกับการใช้ชีวิตปกติ เรามักจะใช้ Application บนมือถือเพื่ออำนวยความสะดวกสะบาย และสื่อสารกับคนรอบข้างด้วย Socail Media แต่สำหรับคนเกิดในยุคก่อน ๆ หน้านี้ ยังมีความกังวลกับการเปลี่ยนแปลงที่เร็วเกินกว่าจะบรรยายได้ ยังรู้สึกถึงภัยคุกความต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งมันก็เป็นความจริงที่ เทคโนโลยี้ที่ก้าวไปเร็วจะมาพร้อมกับ ภัยคุกคามที่มากขึ้นไปด้าย และมักจะเกิดคำถามต่าง ๆ ตามมาว่า มันปลอดภัยจริงหรือ ข้อมูลเราจะถูกขโมยมั้ย หรือ ระบบการเงินของเราจะมีปัญหารึเปล่า
เทคโนโลยีในการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์กำลังจะเปลี่ยนไป เปลี่ยนจากการที่ผู้ใช้งานต้องเตรียมหรือติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์เพื่อตอบสนองการทำงานไว้ที่สำนักงานด้วยตัวเอง ไปเป็นการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ Cloud Computing
Cloud Computingไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่เสียทีเดียว ในขณะนี้ Cloud Computing เป็นเทคโนโลยีที่พร้อมให้บริการแล้ว แต่อาจจะยังไม่แพร่หลายนักเนื่องจากกลุ่มผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่รู้จักว่า Cloud Computing คืออะไร บ้างก็ยังไม่เข้าใจหรือยังมองไม่ออกว่า Cloud Computing จะให้ประโยชน์ต่อการดำเนินงานหรือธุรกิจขององค์กรได้อย่างไร
เช่นนั้นมาทำความรู้จักกับเทคโนโลยี Cloud Computing กันสักหน่อย
Cloud Computingเป็นเสมือนคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่เราใช้งานกันอยู่คือมีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการประมวลผลและเก็บข้อมูล แต่ Cloud Computing เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่มากๆ รองรับการใช้งาน การประมวลผล ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลได้อย่างมหาศาล
Cloud Computing สามารถจำแนกตามการใช้งานได้ 3 ประเภทคือ…
สรุปก็คือ Cloud Computing เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่พร้อมรองรับการทำงานของผู้ใช้งานในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นระบบเครือข่าย การจัดเก็บข้อมูล การทดสอบระบบหรือติดตั้งฐานข้อมูล หรือการใช้งานซอฟต์เฉพาะด้านในธุรกิจต่างๆ โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องติดตั้งระบบทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไว้ที่สำนักงานให้ยุ่งยาก แต่สามารถใช้งานในสิ่งที่ต้องการได้ด้วยการเชื่อมต่อกับระบบ Cloud Computing ผ่านอินเทอร์เน็ต
ในการเชื่อมต่อกับระบบหรือการใช้งานผ่าน Cloud นั้นแท้จริงไม่ใช่การทำงานผ่านก้อนเมฆหรืออากาศที่ไม่มีตัวตนแต่อย่างใด แต่เป็นการเชื่อมต่อกับศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือ Data Center ของผู้ให้บริการนั่นเอง ซึ่งศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์อยู่ภายใต้ระบบที่ีมีมาตรฐานและความปลอดภัยอย่างมาก
ไม่เพียงเท่านั้น การที่สามารถเชื่อมต่อและใช้งานระบบได้ผ่านอินเทอร์เน็ตทำให้การทำงานไม่ถูกจำกัดอยู่ในสถานที่หนึ่งสถานที่ใดอีกต่อไป แต่สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งโน้ตบุ้ก สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต
ในภาพรวมอาจจะดูเหมือนว่า Cloud Computing เป็นระบบที่เหมาะสำหรับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ แต่จริงๆ แล้ว Cloud Computing เหมาะสำหรับองค์กรธุรกิจทุกขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ เพราะบริการต่างๆ ของ Cloud Computing นอกจากแยกตามประเภทการใช้งานแล้ว ยังมีการคิดค่าบริการตามขอบเขตที่ใช้งานจริงของแต่ละองค์กรด้วย
เช่น บริการเกี่ยวกับ Cloud Computing ของ CS LOXINFO ในส่วนของซอฟต์แวร์อย่างแอปพลิเคชั่น More+ ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นค้าปลีก แม้จะเป็นร้านค้าขนาดเล็กอย่างร้าน Kios ก็สามารถใช้งานได้ โดยมีค่าบริการเพียงหลักร้อยบาทต่อเดือนเท่านั้น
หรือบริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Cloud Storage) อย่าง WeCloud ซึ่งช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลขององค์กรมีความสะดวกและความปลอดภัยมากกว่าการเก็บไว้ในฮาร์ดไดรฟ์ ผู้ใช้ก็สามารถเลือกใช้พื้นที่เท่าที่ต้องการและจ่ายค่าบริการตามที่ใช้งานจริง ซึ่งมีความคุ้มค่าอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับคุณสมบัติและประโยชน์ที่จะได้รับ